เลือกคลีนซิ่ง อย่างไร ให้เหมาะกับเรา

เลือกคลีนซิ่ง อย่างไรให้เหมาะกับเรา

ปัญหาหนักใจของสาวๆหลายคน เมื่อเดินเข้า Beauty Zone ทีไร คือ ละลานตา อะไรๆ ก็ดูดี น่าซื้อ น่าใช้ไปซะหมด เรียกว่าเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียวใช่มั๊ยคะ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่มทำความสะอาดผิวหน้า หรือ คลีนซิ่ง (Cleansing) เพราะมีเยอะซะจริงๆ ทั้ง คลีนซิ่งวอเตอร์ คลีนซิ่งออยล์ คลีนซิ่งมิล์ค คลีนซิ่งเจล ฯลฯ คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ ใช้อันไหนดี? วันนี้ Jaslyn จะมาสรุปวิธีการ เลือกคลีนซิ่ง อย่างง่าย ให้เหมาะกับผิว และสไตล์การแต่งหน้ามาฝากค่ะ

เลือกคลีนซิ่ง

อันดับแรก สาวๆต้องทราบก่อนว่า เรามีผิวแบบไหน

หลักๆ แล้ว อย่างที่เคยเล่าไปในบทความก่อนหน้านี้ สามารถตามเข้าไปดูวิธีการแบ่งประเภทผิวได้ตามลิงค์นี้ค่ะ

คุณรู้จักผิวของคุณดีแค่ไหน มารู้จักกับประเภทของผิวคุณกันเถอะ

ผิวเราแบ่ง ออกเป็น 5 ประเภท หลัก คือ

  1. ผิวแห้ง

    สำหรับสาวๆที่มีผิวแห้ง ปัญหากวนใจหลัก ได้แก่ หน้าแห้งตึงหลังล้างหน้า ผิวลอกเป็นขุย แต่งหน้าแล้วเครื่องสำอางไม่ติดผิว แถมความแห้งของผิวยังกระตุ้นให้เกิดริ้วรอย และการระคายเคืองได้อีกด้วย หัวใจของปัญหา คือ ผิวเสียความชุ่มชื้น
    คลีนซิ่ง ที่เหมาะที่สุดสำหรับสาวผิวแห้ง คือ คลีนซิ่งออยล์ หรือคลีนซิ่งมิล์ค เนื่องจากให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดี และลดการสูญเสียความชุ่มชื้นจากผิวได้ค่ะ

  2. ผิวมัน

    สาวผิวมัน ปัญหาที่หนีไม่พ้นเลย นอกจากผิวมันเหนอะหนะตลอดแล้ว ยังมักจะมีปัญหาสิวร่วมด้วย เนื่องจากต่อมไขมันขับน้ำมันออกมามากเกินไป และเป็นปัญหาเมื่อยามแต่งหน้า เครื่องสำอางต่างมักจะลบเลือนได้ง่าย ไม่ติดคงทน
    คลีนซิ่ง ที่เหมาะที่สุดสำหรับสาวผิวแห้ง คือ คลีนซิ่งสูตรน้ำ หรือ คลีนซิ่งอื่นๆที่ปราศจากน้ำมัน (Oil Free)
    ผิวกลุ่มนี้ต้องเน้นอย่างมากในเรื่องการทำความสะอาดผิวเป็นอย่างดี เพื่อลดการอุดตัน และสิ่งสกปรกค่ะ เช่น มาส์กโคลน 3-4 ครั้ง/สัปดาห์, สครับผิว 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และลดสิวเสี้ยน

  3. ผิวผสม

    สาวผิวผสมจะมีลักษณะผิว 2 แบบรวมกัน อาจจะเป็น ผิวมัน+ผิวแห้ง หรือ ผิวมัน+ผิวปกติ ก็ได้ ปัญหาที่มักพบคือ หน้ามันเฉพาะช่วง T-zone แต่บริเวณอื่น เช่น ข้างแก้มแห้ง
    คลีนซิ่ง ที่เหมาะสมที่สุด สำหรับสาวผิวผสม คือ คลีนซิ่งมิล์ค หรือ คลีนซิ่งสูตรน้ำ แต่ควรเพิ่มการดูแลเป็นพิเศษในส่วน T-zone เช่น นวดครับบริเวณ T-zone เพื่อลดการเกิดสิวเสี้ยน

  4. ผิวปกติ

    สาวผิวปกติ สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆได้ง่าย ผิวไม่ไวต่อการระคายเคือง รูขุมขนเล็ก และไม่ค่อยมีสิว
    สามารถใช้คลีนซิ่งได้ทุกประเภท แต่เน้นเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การแต่งหน้า

  5. ผิวแพ้ง่าย

    สาวผิวแพ้ง่าย ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนก็ต้องระมัดระวังไปซะหมด สาวกลุ่มนี้ผิวจะไวต่อสิ่งกระตุ้น เช่น อุณหภูมิ ฝุ่นละออง สี น้ำหอม ฯลฯ มักเกิดอาการคัน แสบยิบๆที่ผิวได้ง่าย
    คลีนซิ่ง ที่ควรเลือก ควรปราศจากสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น สารแต่งสี น้ำหอม แอลกออล์ หรือ สารอื่นๆที่สังเกตุพบว่ากระตุ้นให้ระคายเคือง นอกจากนี้ให้ดูตามสภาพผิวอื่นๆอีกที เนื่องจากบางคน มีลักษณะผิว 2 แบบ คือ ผิวแห้งด้วย + ผิวแพ้ง่ายอีก ถ้าเป็นแบบนี้คลีนซิ่งมิล์คก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ

โอเคร เราเข้าใจสภาพผิวของเราระดับนึงกันแล้วนะคะ ถ้าจะเลือกให้เหมาะที่สุดเราต้องมาเข้าใจเกี่ยวกับคลีนซิ่งแต่ละชนิดเพิ่มเติมด้วย เพื่อที่จะเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การแต่งหน้าของเรามากที่สุดค่ะ

  1. คลีนซิ่งโฟม/โฟมล้างหน้า

    คลีนซิ่งชนิดนี้เหมาะสำหรับการล้างทำความสะอาดหน้าทั่วไป แต่หากใครมีปัญหาผิวเป็นพิเศษ เช่น ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ควรดูเรื่อง ค่า pH ด้วย … pH ควรประมาณ 5.5 ค่ะ (เท่ากับค่า pH ของผิว)
    โฟมล้างหน้าเพียงอย่างเดียวจะทำความสะอาดผิวหน้าได้ไม่ดีพอ สำหรับสาวๆที่แต่งหน้าหนักๆ ใช้เครื่องสำอางกันน้ำ (มาสคาร่ากันน้ำ, กันแดดแบบกันน้ำ) ก็ควรจะมีคลีนซิ่งออยล์, อายเมคอัพรีมูฟเวอร์ เป็นตัวช่วยเพิ่มเติมในการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดล้ำลึกมากยิ่งขึ้น

  2. เจลล้างหน้า

    เจลล้างหน้า ใช้สำหรับล้างทำความสะอาดผิวหน้าทั่วไปเช่นกัน ใช้ได้กับผิวทุกประเภท โดยเฉพาะสาวผิวแห้ง เจลล้างหน้าส่วนใหญ่จะให้ความชุ่มชื้นได้ดี (ทั้งนี้ต้องดูเรื่องของค่า pH ประกอบ รวมถึงสารลดแรงตึงผิว)

  3. คลีนซิ่งออยล์ และอายเมคอัพรีมูฟเวอร์

    คลีนซิ่งประเภทนี้ส่วนประกอบจะเป็นน้ำมัน จึงสามารถทำความสะอาดเครื่องสำอางกันได้ดีค่ะ ทั้งมาสคาร่า ลิปสติก อายเชโดว์ แต่หลังจากทำความสะอาดด้วยคลีนซิ่งกลุ่มนี้แล้วต้องทำความสะอาดซ้ำอีกครั้งด้วยโฟมล้างหน้านะคะเพื่อขจัดคราบมันและสิ่งสกปรกตกค้างออกให้หมด

  4. คลีนซิ่งเจล

    ให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดี และให้ความรู้สึกสดชื่นผิวเมื่อใช้ (สามารถนำไปแช่เย็นได้เพื่อเพิ่มความสดชื่น) เหมาะกับคนที่แต่งหน้าเบาๆไม่หนักมาก แต่หากใครแต่งหน้าหนักๆต้องเลือกเป็น สูตรเป็นไมเซลล่า เพราะจะสามารถทำความสะอาดเครื่องสำอางกันน้ำได้ด้วย

  5. คลีนซิ่งสูตรน้ำ

    ข้อดีของคลีนซิ่งสูตรน้ำคือ สามารถล้างเครื่องสำอางได้โดยไม่ต้องล้างออก เหมาะสำหรับคนแต่งหน้าเบาๆ แต่สำหรับคนที่แต่งหน้าหนักๆ เครื่องสำอางกันน้ำเยอะๆ แนะนำเพิ่มเติมกลุ่ม อายเมคอัพรีมูฟเวอร์ไปด้วยค่ะ
    โดยส่วนตัว ลองมาหลายแบรนด์ ถึงแม้จะเป็นสูตรไมเซลล่า ก็ยังต้องเช็ดซ้ำหลายครั้ง และรู้สึกไม่สะอาดผิวมากพอ แต่มีเทคนิค คือ หากจุดไหนเช็ดออกยาก ให้เอาสำลีชุบคลีนซิ่งแปะไว้สักพัก ประมาณ 5-10 วินาที แล้วค่อยเช็ด แบบรูดขึ้นจากหัวตา ไปหางตาจะเช็ดง่ายขึ้นค่ะ และยังชอบล้างซ้ำด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้าอีกครั้งเพราะสบายผิวมากกว่า

  6. คลีนซิ่งมิล์ค

    สามารถใช้ได้ทั้งเครื่องสำอางทั่วไป และเครื่องสำอางกันน้ำค่ะ พร้อมบำรุงผิวไปด้วย สามารถนวดหน้าเบาๆไปด้วยได้

  7. คลีนซิ่งแบบครีม/Cold cream

    สามารถใช้ได้ทั้งเครื่องสำอางทั่วไป และเครื่องสำอางกันน้ำได้ดี ควรล้างซ้ำด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้าอีกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดสิวอุดตัน

เทคนิคการล้างหน้าไม่ให้หน้ายับ

การทำความสะอาดผิวที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมาก หากอยากมีผิวดูโกลว์ สวยธรรมชาติ เมื่อยามแต่งหน้า

  1. ทำความสะอาดผิว 1 ครั้ง ด้วยคลีนซิ่ง ให้เหมาะตามสภาพผิว
  2. ทำความสะอาดผิวอีกครั้งด้วยโฟม/เจล ล้างหน้า โดยถูผลิตภัณฑ์กับน้ำเล็กน้อยบนฝ่ามือให้เกิดฟอง หลังจากนั้น แตะที่แก้มแล้ววนเป็นวงกลมอย่างเบามือ, แตะบริเวณ จมูก หน้าผากและคาง ใช้นิ้วนวดวนเป็นเกลียวคล้ายขดสปริง, บริเวณจมูกส่วนปลายให้ลูบขึ้น
  3. หลังจากนั้นล้างหน้าด้วยน้ำเบาๆ
  4. ซับหน้าให้แห้งเบาๆด้วยผ้าสะอาด
  5. ทามอยเจอไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้นหลังล้างหน้า ภายใน 3-5 นาที

หมายเหตุ : อย่าล้างหน้าแบบถูขึ้นลงๆ แรง เพราะจะทำร้ายผิว ทำให้เกิดริ้วรอยได้

เพิ่มเพื่อน
Share this: