ตกขาว ปัญหาที่สาวๆควรรู้
อาการตกขาว เป็นเรื่องหนึ่งที่เมื่ออยู่ร้านยามักจะมีสาวๆมาขอคำปรึกษาอยู่บ่อยๆ Jaslyn จึงอยากมาแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องตกขาว ซึ่งเป็นปัญหาของผู้หญิงๆให้ฟังกันค่ะ
ตกขาว คือ ของเหลว สารคัดหลั่ง ที่ไหลออกมาจากช่องคลอด แต่ไม่ใช่เลือด โดยทั่วไป ตกขาวปกติ จะมีลักษณะหนืด ใส หรือเป็นเมือกขาวขุ่น ไม่มีอาการคัน ไม่มีกลิ่นเหม็น ปริมาณอาจจะมีมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่บุคคล เวลามีตกขาวออกมาก็จะรู้สึกชื้นๆ หรือบางทีก็จะพบเป็นคราบอยู่ที่กางเกงใน
ปริมาณตกขาวในแต่ละช่วงของรอบเดือนจะแตกต่างกัน โดยในช่วงกลางรอบเดือน (ช่วงที่ไข่ตก จะอยู่ระหว่าง 14 วันของรอบเดือน) จะมีปริมาณของตกขาวมาก จนเหนียวหนืดได้ และ ในช่วงปลายของรอบเดือนมีลักษณะเป็นมูกขาวข้นเหนียว
การที่มีตกขาวออกมาไม่ใช่สิ่งผิดปกติ สามารถมีได้ตามธรรมชาติ เพราะ ตกขาวที่ออกมาจะทำหน้าที่เป็นสารหล่อลื่นช่องคลอด ให้ความชุ่มชื้นกับช่องคลอดค่ะ หากช่องคลอดมีสารหล่อลื่นน้อยเกินไป ช่องคลอดแห้ง ก็จะทำให้เกิดการระคายเคือง อักเสบ เจ็บได้เวลามีเพศสัมพันธ์ค่ะ
ตกขาวอย่างไรที่เรียกว่าผิดปกติ
ตกขาวที่ผิดปกติจะมีลักษณะดังต่อไปนี้ค่ะ จะเล่าถึงอาการอื่นๆที่จะมีร่วมด้วยนะคะ
- ตกขาวมีเลือดปะปน
- ตกขาวมีสีที่เปลี่ยนไป เช่น เปลี่ยนเป็นสีเขียว สีเหลือง น้ำตาล
- ตกขาวเป็นก้อนขุ่นๆ คล้ายแป้งเปียก
- ตกขาวมีกลิ่นเหม็น เช่น มีกลิ่นเหม็นเหมือนกลิ่นคาวปลา
- คันบริเวณช่องคลอด หรืออวัยวะเพศ
- ปัสสาวะแสบขัด
- ตกขาวร่วมกับ อาการปวดท้อง, มีไข้
ซึ่งอาการเหล่านี้ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อรา (Vaginal Candidiasis) หรือแบคทีเรีย (Bacterial Vaginitis) หรือ เชื้อทริโคโมแนส (Tricomoniasis)
ช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อรา เกิดขึ้นได้อย่างไร?
โดยปกติตามธรรมชาติช่องคลอดของเราจะมีเชื้อโรคต่างๆ ทั้งเชื้อรา แบคทีเรีย ไม่พึงประสงค์อยู่แล้วในปริมาณไม่มาก แต่บริเวณช่องคลอดก็จะมีแบคทีเรียที่ดี ชื่อว่า แลคโตบาซิลลัส คอยทำหน้าที่ดูแล สร้างกรดออกมาเพื่อเป็นตัวควบคุมไม่ให้ปริมาณเชื้อไม่พึงประสงค์เหล่านี้เจริญเติบโตมีปริมาณมากเกินไป เมื่อใดก็ตามที่ความเป็นกรดบริเวณช่องคลอดลดลง เชื้อก่อโรคจะเจริญได้ดี จนทำให้เกิดความผิดปกติ นำมาสู่การเกิดช่องคลอดอักเสบ ติดเชื้อรา คัน เกิดตกขาวขุ่นเป็นก้อนในที่สุดค่ะ
สาเหตุของการติดเชื้อราในช่องคลอดส่วนใหญ่ มักเกิดจากการเสียสมดุลความเป็นกรดของช่องคลอด เช่น การรับประทานยาปฎิชีวนะเป็นเวลานาน, การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย, การอับชื้น, การสวนล้างช่องคลอด, ทำความสะอาดไม่ถูกต้อง
จะป้องกันการติดเชื้อราในช่องคลอดได้อย่างไร?
- ใช้กางเกงในที่ระบายอากาศได้ดี เช่น Cotton 100% เพื่อลดการอับชื้น และใช้กางเกงในที่ตากแดดแห้งสนิท
- เมื่อเข้าห้องน้ำ แล้วล้างน้ำต้องใช้กระดาษชำระซับน้ำให้แห้ง วิธีการเช็ดที่ถูกต้อง ต้องเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง คือ ใช้กระดาษชำระเช็ดซับแล้วปาดขึ้นไปทางทวาร ไม่เช็ดย้อนไปย้อนมา
- หลีกเลี่ยงการใช้แผ่นอนามัย เพราะ จะทำให้อับชื้นค่ะ เนื่องจากเป็นตัวเก็บความชื้นอย่างดี หากจำเป็นต้องใช้ให้เปลี่ยนทุก 1-2 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้เสียสมดุลความเป็นกรด
- เติม แบคทีเรีย แลคโตบาซิลลัส ให้ร่างกายด้วยการรับประทาน นมเปรี้ยว โยเกิร์ต
ช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เกิดขึ้นได้อย่างไร?
สาเหตุของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดส่วนใหญ่มักมาจากการเสียสมดุลความเป็นกรดของช่องคลอดเช่นกันค่ะ ซึ่งสาเหตุหลักๆ ก็จะเหมือนการติดเชื้อราเลย คือ เกิดจากการรับประทานยาปฎิชีวนะนานเพื่อรักษาสิว หรือ รักษาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ, การสวนล้างช่องคลอด, การลดลงของแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัส ซึ่งหากมีการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด จะพบอาการผิดปกติของตกขาว ตกขาวมีลักษณะสม่ำเสมอ สีขาวขุ่นคล้ายน้ำนม มีฟอง ไม่มีลักษณะเป็นก้อนๆ มีกลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นคาวปลา แบคทีเรียที่มักพบว่าเป็นสาเหตุ ได้แก่ Anaerobe bacteria เช่น Prevotella sp., Mobiluncus sp., G. vaginalis, Mycoplasma hominis
ซึ่งในบางคนอาจจะพบการติดเชื้อราในช่องคลอด และติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด พร้อมกันเลยก็ได้ค่ะ
ช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) เกิดขึ้นได้อย่างไร?
การเกิดช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อทริโคโมแนส จัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างหนึ่งทีมักทำให้สาวๆเกิดอาการช่องคลอดอักเสบ มีตกขาวสีเขียว เหลือง มีกลิ่นเหม็น มีอาการคันเล็กน้อยบริเวณอวัยวะเพศ นอกจากนี้การใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกันก็อาจจะเป็นสาเหตุทำให้ติดเชื้อได้เช่นกัน โดยส่วนใหญ่ผู้หญิงจะแสดงอาการของการติดเชื้อ แต่ในผู้ชายที่ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ระคายเคืองหลังปัสสาวะ
แต่อย่างไรก็ตามถ้าจะรักษาให้หายขาดต้องรักษาทั้งคู่ค่ะ ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย (แม้จะไม่มีอาการ) โดยการรับประทานยาทั้งคู่
หากเกิดการติดเชื้อในช่องคลอดจะทำอย่างไร?
แนะนำพบแพทย์ หรือเภสัชกรเลยค่ะ เพื่อรับการรักษา ซึ่งการรักษาไม่ได้ยากเลย แค่เพียงรับประทานยา หรือ สอดยาเหน็บ ให้ครบตามที่จ่ายไปเท่านั้นค่ะ แค่นี้ก็หายขาดแล้ว
ปัจจุบันสิ่งที่น่ากลัว และพบบ่อย คือ การรักษาผิดวิธี เช่น การใช้แผ่นอนามัยสมุนไพร เพื่อรักษาการติดเชื้อในช่องคลอด ซึ่งไม่ช่วยอะไรเลย และทำให้เกิดการอับชื้นมากขึ้นไปอีก เกื้อกูลให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี แล้วเป็นหนักกว่าเดิม, การสอดยาสมุนไพร เหน็บยาสมุนไพร เพื่อรักษาช่องคลอด หรือดีท๊อกซ์ช่องคลอด ซึ่งทำให้เกิดอันตรายได้ ทั้งในแง่ความสะอาดที่ไม่ดีพอ เพิ่มโอกาสการอักเสบติดเชื้อ ไม่มีประสิทธิภาพในการรักษา และส่วนใหญ่จากเคสที่พบมา ราคามักสูงกว่าการรักษาตามหลักวิชาการซะอีก ราคาอยู่ในหลักหลายร้อยบาท – จนถึงเป็นพัน เมื่อเทียบกับยาแผนปัจจุบัน ที่ถูกกว่ามาก ราคาแผงนึงราว 50 – 200 บาท ประสิทธิภาพการรักษาหายแน่นอนค่ะ

Share this: