วิตามินในสกินแคร์ มีผลต่อผิวจริงไหม ตอนที่ 4 : Vitamin E

ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนที่ 4 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของหัวข้อนี้ค่ะ วันนี้เล่าจะมาต่อกันที่ Vitamin E

Vitamin E

“Vitamin E” เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีคุณสมบัติเป็น Anti-oxidant ที่ดีเยี่ยม สามารถลดปัญหาผิวจากการถูกทำร้ายจากอนุมูลอิสระได้ เช่น ผิวไหม้แดด, ริ้วรอย, การสร้างเม็ดสีผิวมากผิดปกติ นอกจากนี้ยังสามารถลดเลือนริ้วรอย และให้ความชุ่มชื้นผิวได้ดี

รูปแบบที่ใช้

Vitamin E ที่ใช้ในสกินแคร์ มีหลายฟอร์ม เช่น tocopherol และ วิตามินอี ในรูปเอสเทอร์ เช่น tocopheryl acetate, tocopheryl succinate, tocopheryl nicotinate, tocopheryl linoleate, และ tocopheryl phosphate

Vitamin E ในธรรมชาติจะมีโครงสร้างหลายไอโซเมอร์ เช่น alpha, beta, gamma และ delta tocopherol ซึ่งแต่ละชนิดจะมีโครงสร้างหลักเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่ Side chain ตัวที่มีประสิทธิภาพดีสุด และแน่นอนราคาก็แพงตามไปด้วย นั่นคือ alpha tocopherol (ในสกินแคร์ที่เราใช้กันจะได้จากการสังเคราะห์)

กลไกหลักของ Vitamin E

อย่างที่เรามักได้ยินกันบ่อยๆ ว่าอนุมูลอิสระจะทำร้ายผิว เนื่องจากเป็นโมเลกุลที่ไม่มีคู่ เป็นโมเลกุลที่มีอิเล็กตรอนอยู่เดี่ยวๆ ดังนั้นเมื่อเกิดลักษณะนี้ขึ้น ก็จะต้องไปแย่งประจุบวกจากโมเลกุลอื่นเพื่อให้ครบคู่ และเกิดความเสถียรค่ะ ตัวที่เป็นอนุมูลอิสระที่สตรอง และได้ยินบ่อย เช่น อนุมูลอิสระของออกซิเจน (Oxygen radical) เพราะมีความว่องไวต่อการเกิดปฎิกิริยาสูง
กลไกการต้านอนุมูลอิสระของ Vitamin E นั้นจะทำงานกันเป็นทีมค่ะ โดยทำงานร่วมกันกับ Vitamin C และ กลูตาไธโอน ในการช่วยกันต้านอนุมูลอิสร

Vitamin E จะปกป้องเซลล์เมมเบรน จากปฎิกิริยา Lipid peroxidation ที่เกิดจากการทำร้ายของอนุมูลอิสระ เมื่อ Vitamin E ถูกออกซิไดช์ (กลายเป็นโมเลกุลที่มี อิเล็คตรอนคู่โดดเดี่ยว เหมือนอนุมูลอิสระ) Vitamin C ก็จะมาช่วยเปลี่ยนให้ Vitamin E กลับไปอยู่ในรูปรีดิวซ์ฟอร์มค่ะ
Vitamin E ในสกินแคร์โดยทั่วไป จะมีความเข้มข้นอยู่ที่ 1-5%
จากการศึกษาแบบ in vitro (ศึกษาในสิ่งมีชีวิต) พบว่าการทา Vitamin E ก่อนโดนแดด สามารถลด อาการผื่นแดงของผิว อาการบวม และจำนวนเซลล์ผิวที่ได้รับความเสียหาย จากการถูกไหม้แดด และทำร้ายจาก UVB ได้ค่ะ แต่หลังจากโดนแดดมาแล้วค่อยทาจะไม่ค่อยได้ผล

Vitamin E สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ เนื่องจากจะส่งผลให้ผิวในชั้น Stratum corneum มีความชุ่มน้ำมากขึ้น และเพิ่มความสามารถในการจับกับโมเลกุลของน้ำได้มากขึ้นค่ะ และจะมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวไม่ให้เกิดริ้วรอยจากการถูกกระตุ้นด้วยแสงแดด ที่เรียกว่า photoaging มากขึ้น หากทาร่วมกันกับวิตามิน C ค่ะ

ตัวอย่าง/กรณีศึกษา

ตอนก่อนเรียนจบเภสัช เคยทำงานวิจัยก่อนจบ เกี่ยวกับเรื่องมาสก์หน้าไคโตซาน ที่มีส่วนผสมของวิตามิน E ในรูป alpha tocopherol อยู่ 0.5% ก็พบว่ามีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอย และเพิ่มความชุ่มชื้นผิวในอาสาสมัครอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอาสาสมัครผู้ชาย ซึ่งโดยปกติจะไม่ทาครีมบำรุงใดๆทั้งสิ้น ยิ่งเห็นได้ชัด จะเห็นว่าใส่ % น้อยมาก มาสก์หน้าแค่ 15-20 นาที ก็เห็นผลค่ะ แต่อันนี้น่าจะเป็นผลของไคโตซานร่วมด้วย จริงๆอยากใส่มากกว่านี้นะคะ แต่ใส่เยอะแล้วมาสก์ที่ได้จะมันมากๆค่ะ ได้ตำรับที่ไม่น่าใช้

สำหรับในเรื่องลดรอยแผลเป็น อันนี้มีบางงานวิจัยบอกว่า การทาวิตามินอีบนรอยแผลเป็นหลังจากแผลปิดได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ในผู้ป่วยหลังผ่าตัด ไม่ช่วยลดเรื่องรอยแผลเป็นค่ะ และเพิ่มโอกาสในการเกิดผื่น (Contact dermatitis)

ปัญหาหลักๆ ของการตั้งสูตรตำรับสกินแคร์ที่มี Vitamin E เป็นส่วนประกอบก็คือ ความมัน นั่นเองค่ะ เพราะเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน หากใส่เดี่ยวๆ เพื่อให้เกิดผลกับผิวในเรื่องริ้วรอย ส่วนใหญ่จะเคลมว่า ควรอยู่ที่ 5% แต่จะมันมากๆ ถ้าจะแก้ตรงนี้ก็จะเลี่ยงโดยการลดปริมาณ Vitamin E ลง และเพิ่มสาร Anti-oxidant ตัวอื่นเพื่อช่วยเสริมฤทธิ์กันค่ะ อีกเรื่องคือ การเกิดปฎิกิริยา Hydrolysis ข้อนี้บางตำรับเลี่ยงไปใช้ Tocopheryl acetate แทน alpha tocopherol เนื่องจากมีความคงตัวมากกว่า แต่ประสิทธิภาพของ Tocopheryl acetate จะน้อยกว่าค่ะ

อ้างอิง :

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/10417589
http://www.academia.edu/17666651/Cosmeceuticals_vitamins

almond-vitamin-e

เพิ่มเพื่อน
Share this: