“หน้าสวยๆของเรา มีแค่หน้าเดียว ต้องดูแลให้ดีนะคะ” จะเลือกเครื่องสำอางทั้งที ต้อง เลือกเครื่องสำอางให้ปลอดภัย ค่ะ
หากเราจะต้อง เลือกเครื่องสำอางสักชิ้นเพื่อใช้กับผิว โดยเฉพาะผิวหน้า นอกจากคุณประโยชน์ที่จะให้กับผิวแล้ว ยังต้องดูในเรื่องความปลอดภัยด้วย ไม่เช่นนั้นผิวสวย อาจจะแปรเปลี่ยนเป็นผิวเสีย ได้ค่ะ
คำแนะนำนี้สามารถนำไปใช้กับการ เลือกเครื่องสำอางได้ทุกประเภทเลยนะคะ ทั้ง สกินแคร์, เมคอัพ, สบู่, ยาสีฟัน, โลชั่นทาตัว และครีมกันแดด ฯลฯ เพื่อจะได้ เลือกเครื่องสำอางให้ปลอดภัย ค่ะ
เบื้องต้นในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ อันดับแรกที่เราต้องรู้ คือ ซื้อของกับใคร?
แค่การรู้จักชื่อผู้ขาย มี ID-Line หรือ มีเบอร์มือถือ คงไม่สามารรับรองความปลอดภัยให้เราได้แน่นอนค่ะ
การที่เราต้องทราบว่า เรากำลังซื้อของกับใครนั้น เพื่อการพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือค่ะ ว่าหากมีปัญหาเราต้องตามตัวเค้าได้
เรามีวิธีง่ายๆ มาแนะนำ ในการเลือกซื้อสินค้าให้ปลอดภัยจากสารอันตรายมาฝากค่ะ
น่าเชื่อถือ ชัดเจน ตามตัวได้
เราควรซื้อสินค้าจากร้านที่มีที่ตั้งแน่นอน ชัดเจน หรือเลือกซื้อกับ บริษัท ที่น่าเชื่อถือ มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง เพราะเมื่อเกิดปัญหาขึ้น เราจะสามารถหาผู้รับผิดชอบปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ไม่หนีหายแน่นอน
ฉลากมีข้อมูลครบถ้วน
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ฉลากต้องมีข้อมูลครบถ้วนตามที่ อย. กำหนด เช่น มีฉลากภาษาไทยอธิบายชื่อผลิตภํณฑ์, ประเภทของผลิตภัณฑ์,ส่วนประกอบ และวิธีใช้อย่างชัดเจน หากมีแต่ภาษาอังกฤษ แล้วไม่มีภาษาไทยเลย แบบนี้ไม่โอเคร! จากการที่ได้ศึกษาประกาศต่างๆของ อย. ในหลายปีที่ผ่านมา จะพบว่า เครื่องสำอางที่ตรวจพบสารอันตราย หรือ สารต้องห้าม มักจะต้องมีปัญหาในเรื่องส่วนประกอบในฉลากไม่ครบถ้วนร่วมด้วยเสมอค่ะ เช่น ไม่มีเลขล็อท, ไม่มีวันผลิต, ไม่มีวันหมดอายุ, ไม่มีชื่อ และที่อยู่ของผู้ผลิต, ไม่มีชื่อ และที่อยู่ของผู้จัดจำหน่าย หากขาดข้อใดข้อหนึ่งตามที่บอกมา ให้เพื่อนๆกาดอกจันท์ แบรนด์นั้นๆไว้เลยค่ะ ว่าอาจจะมีสารอันตรายปนเปื้อนอยู่ ไม่ควรซื้อมาใช้ ขนาด กฎหมาย อย. เค้ายังไม่ใส่ใจ แล้วจะใส่ใจผู้บริโภค หรือคะ? และควรตรวจสอบเลขที่จดแจ้งด้วยค่ะ
ไม่โฆษณาเว่อร์วัง เกินจริง
มีการโฆษณาเว่อร์วัง เช่น ขาวขึ้น 100%, ไม่แพ้ 100%, รักษา ฝ้า กระ หายขาด คำพวกนี้ถือว่า เป็นคำโฆษณาที่ อย. ไม่อนุญาตให้ใช้ในเครื่องสำอางค่ะ ถือว่า โฆษณาเกินจริง เพราะ ไม่มีอะไรที่ช่วยได้ 100% อยู่แล้ว เช่น ในแง่ของความขาว ก็ไม่สามารถทำให้คนที่สีผิวเข้มเปลี่ยนเป็นผิวขาวได้แน่นอน ทำได้แค่แลดูชุ่มชื้น แลดูกระจ่างขึ้น หรือลดเลือนจุดด่างดำ แบบนี้พอทำได้ค่ะ, ในเรื่องการแพ้ก็เช่นกัน ไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่าจะไม่เกิดการแพ้ 100% และการใช้สารธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งการใช้พืชที่ปลูกแบบออร์แกนิค ก็ไม่สามารถช่วยการันตีได้ว่าจะไม่แพ้ และไม่ได้ลดความเสี่ยงในการแพ้ลงเลยแม้แต่นิดเดียวค่ะ มีคนตั้งมากมายที่แพ้พวก เกสรดอกไม้ สารสกัดจากพืช น้ำมันหอมระเหยจากพืช ดังนั้น การแพ้จึงเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลค่ะ ไม่สามารถการันตีได้ 100%, ในเครื่องสำอางห้ามใช้คำว่า รักษา โดยเด็ดขาด หากจะใช้คำว่ารักษาต้องขึ้นทะเบียนเป็นยาเท่านั้นค่ะ จะเป็นยาได้ต้องมีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือมารองรับค่ะ และฝ้าไม่สามารถรักษาหายได้ค่ะ ตำราวิชาการกี่เล่มๆ ก็บอกตรงกันหมด ทำได้แค่เพียงจางลงเท่านั้น ใครเป็นต้องทำใจระดับหนึ่งค่ะ พูดง่ายๆคือ เซลล์เกิดความผิดปกติในการสร้างเม็ดสีผิวออกมามากเกิน ต่อให้ใช้อะไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนเซลล์ที่ผิดปกติ ให้กลายเป็นปกติได้ ทำได้แค่เพียงทำให้จางลง หากหยุดการใช้ผลิตภัณฑ์ หรือยาที่ใช้รักษา ยังไงๆ ก็เป็นเหมือนเดิมค่ะ
ทดสอบการแพ้ก่อนใช้
อย่าลืมทดสอบการแพ้ก่อนใช้ทุกครั้ง โดยทาทิ้งไว้บริเวณใต้ท้องแขน 24 ชั่วโมง แล้วดูการแพ้ระคายเคือง เช่น เกิดผื่นรึเปล่า คันรึเปล่า หากไม่มีอาการเหล่านี้ก็จะยืนยันได้ระดับหนึ่งว่าน่าจะไม่แพ้ ค่อยเอามาใช้กับหน้า
ทดสอบด้วยชุดทดสอบอย่างง่าย
หากใครยังไม่มั่นใจ เกี่ยวกับสารอันตราย ว่าจะแอบใส่ในเครื่องสำอางรึเปล่า เราสามารถซื้อชุดทดสอบสารอันตรายมาลองตรวจดูได้นะคะ เช่น ชุดทดสอบสเตียรอยด์, ชุดทดสอบปรอท, ชุดทดสอบไฮโดรควิโนน
สารอันตรายที่มักพบบ่อยในเครื่องสำอาง อย. ประกาศห้ามใส่ จะยกตัวอย่างมาบางตัวที่พบบ่อยค่ะ
สารปรอท
มักเจอในผลิตภัณฑ์ที่หวังผลในเรื่องความขาวกระจ่างใส และลดฝ้า กระ จุดด่างดำ สารตัวนี้จะไปยับยั้ง เอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ทำให้มีการผลิตเม็ดสีเมลานินลดลง ผิวจึงดูขาวขึ้น จุดด่างดำหายไป และยังพบในกลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับลดการเกิดสิวด้วย เพราะมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
แต่ อันตรายมากค่ะ!!! เพราะทำให้เกิดผื่นแพ้ ผื่นแดง แล้วนำไปสู่ผิวหน้าดำ เกิดฝ้าถาวร เมื่อใช้ไปนานๆ จะทำให้ผิวบางลง และดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดทำให้ตับ และไตอักเสบ เกิดโรคโลหิตจาง ทางเดินปัสสาวะอักเสบ โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ปรอทจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และทำให้เด็กมีสมองพิการได้ค่ะ
ไฮโดรควิโนน
จะเจอในผลิตภัณฑ์ที่หวังผลในเรื่องความขาวเช่นกันค่ะ ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ที่ทำหน้าที่ในการสร้างเม็ดสี (melanin) เมื่อปริมาณเม็ดสีลดลง จึงส่งผลให้ผิวขาวขึ้นได้
อันตรายของไฮโดรควิโนน ทำให้เกิดอาการแสบร้อน ระคายเคือง เกิดตุ่มแดง ผิวคล้ำมากขึ้นในบริเวณที่ทา หรืออาจทำให้เกิดจุดด่างขาวที่ผิวหนัง ถ้าใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดเป็นฝ้าถาวร เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง ผู้ที่ได้รับยานี้เกินขนาดตัวยาจะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และสามารถกระตุ้นให้ร่างกายมีอาการสั่น หรือเกิดภาวะลมชักได้
สเตียรอยด์
ตัวนี้เจอทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสิว และกลุ่มที่หวังผลเรื่องความขาว สเตียรอยด์ มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างสารบางตัวที่เกี่ยวกับการแพ้ และอักเสบ เช่น โพรสตาแกรนดิน (prostaglandin) และลิวโคไตรอีน (leukotriene) และสามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินได้ด้วย
อันตรายของสเตียรอยด์ เมื่อใช้เป็นเวลานานจะทำให้ผิวบางลง เห็นเส้นเลือดชัด กดภูมิคุ้มกันทำให้ผิวเกิดผื่นแพ้ได้ง่าย สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดพิษต่อไต และทำให้กระดูกพรุน แถมเมื่อหยุดใช้ก็จะทำให้เกิดสิวสเตียรอยด์ ขนาดเม็ดเท่าๆกัน เห่อขึ้นมาพรึ่บ กว่าจะรักษาหายใช้เวลานานค่ะ
อ้างอิง
บทความ อันตรายจากสารต้องห้ามในเครื่องสำอาง โดย คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

Share this: