ไฮโดรควิโนน สารอันตราย เร่งผิวขาว
ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) เป็นสารต้องห้าม ที่ อย. ประกาศ ห้ามใส่ในเครื่องสำอางเด็ดขาด แต่ในปัจจุบันก็ยังมีการตรวจพบว่ามีหลายเจ้าที่ไม่จริงใจ แอบใส่เจ้าสารตัวนี้ลงไป โดยเฉพาะในเครื่องสำอางกลุ่มที่ช่วยให้ผิวขาว (Whitening)
ไฮโดรควิโนน เป็นสารที่ถูกค้นพบตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 2 ราวๆ ค.ศ. 1935 โดยนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งสังเกตเห็นว่าผิวของคนงานในโรงงานยางจากที่เคยด่างดำ กลับกลายเป็นขาวขึ้น จึงสงสัยว่าน่าจะเกิดจากสารเคมีบางตัวที่ใช้เป็นน้ำยาในโรงงานยางแน่ๆ เลยนำมาศึกษาและพบว่า สารเคมีที่ทำให้ขาวขึ้นคือ อนุพันธ์ของไฮโดรควิโนน (Monobenzyl Ether of Hydroquinone)
หลังจากนั้น ไฮโดรควิโนน ก็ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เป็นที่น่าตื่นเต้น ในวงการเครื่องสำอางช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นครีมช่วยให้ผิวขาว เนื่องจากไฮโดรควิโนนสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสภายในเมลาโนไซท์ได้ ทำให้ไม่เกิดการย่อยกรดอะมิโนไทโรซิน(ซึ่งเป็นสารตั้งต้น) ให้กลายเป็น เม็ดสีเมลาโทนิน เรียกว่า เจ้าไฮโดรควิโนนไปยับยั้งกลไกการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ทำให้เกิดจุดด่างดำนั่นเองค่ะ
ใช้กันมานานราว 20 ปี จนในที่สุดพบว่า ไฮโดรควิโนน มันมีผลเสียต่อผิว เรียกว่า ขาว แต่ไม่สวย คือ ทำให้ผิวเสียไปเลย ผิวลอก ผิวระคายเคือง เกิดด่างขาว พอใช้นานๆ เกิดสีผิวกระดำ กระด่าง พบรอยดำบริเวณจมูก แก้ม เกิดฝ้าถาวร และรอยด่างดำยังสามารถกระจายไปยังส่วนอื่นที่ไม่ได้ทาไฮโดรควิโนนด้วย (อ้าว! ทีนี้ไม่ขาวละ ผิวด่าง ดำ แทน) >>> พังคร่า ผิวพัง!!!
ต่อมามีการศึกษาถึงพิษของไฮโดรควิโนนเพิ่มเติมอีกมากมาย พบว่า ไฮโดรควิโนนสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง และสามารถทำให้ตาดำพิการถาวรได้
ประเทศไทยเราเป็นเมืองร้อน แดดแรง หากใช้ครีมที่มีไฮโดรควิโนนยิ่งมีโอกาสเกิดผลข้างเคียง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาพบว่า การสัมผัสแสงแดดเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดผลแบบย้อนกลับของไฮโดรควิโนน (reverse effect) คือ กระตุ้นให้เกิดเม็ดสีเมลานิน แทนที่จะยังยั้งเม็ดสีเมลานิน และปัจจัยอื่นๆ ที่กระตุ้นให้เกิด Reverse effect คือ การใช้ไฮโดรควิโนนความเข้มข้นสูงเกินไป, ผู้ใช้มีโทนสีผิวเข้ม (Darker skin type)
ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้ในปัจจุบัน อย. ไทย ประกาศห้ามใส่ ไฮโดรควิโนน ในเครื่องสำอางทั่วไปแล้ว >>> จัดเป็นสารต้องห้าม!!!
อย่างไรก็ตาม อย. ไทย ยังอนุญาตให้สามารถใช้ไฮโดรควิโนนได้บ้าง แต่ต้องใช้โดยแพทย์ผิวหนังซึ่งมีความเชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อประโยชน์ในการใช้รักษาฝ้าค่ะ (เพราะมันลดฝ้าได้ดี + ราคาไม่แพง) และต้องใช้ความเข้มข้นตามที่ อย. กำหนด คือ ไม่เกิน 2%
ในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) ก็มีกฎหมายห้ามใส่ ไฮโดรควิโนน เช่นเดียวกันกับบ้านเรา (ออกกฎหมายหลัง อย. บ้านเราด้วย) แต่อนุญาตให้ใช้เป็นสีย้อมผ้าได้ที่ความเข้มข้นไม่เกิน 0.3%
ในอเมริกา ไฮโดรควิโนนครีม ที่ความเข้มข้น 2% ยังมีขายเป็นเครื่องสำอางอยู่ตามเคาท์เตอร์ปกติ (OTC = Over the counter) หากความเข้มข้นเกิน 2% ต้องมีใบสั่งแพทย์จึงจะสามารถซื้อได้
ส่วนในเครื่องสำอางที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค แอบใส่ไฮโดรควิโนน โดยส่วนใหญ่ มักตรวจพบว่ามีการใส่ไฮโดรควิโนน ประมาณ 5% (โอ๊ย!!! สูงกว่าหมอใช้ ตั้ง 2.5 เท่า) เพื่อหวังผลให้ขาวเร็ว ตบตาผู้บริโภค โดยไม่ได้สนใจผลข้างเคียงหรืออันตรายที่ตามมากับผู้บริโภคที่ซื้อไปใช้
ดังนั้น หากจะซื้อครีมที่ช่วยให้ผิวขาว ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ฉลากถูกต้องตามที่ อย. กำหนด มีเลขจดแจ้ง มีที่อยู่ สถานที่ผลิตและบริษัทจัดจำหน่ายชัดเจน รวมถึงมีเลขล็อท วันผลิต วันหมดอายุ ครบถ้วนด้วยค่ะ
Share this: