เคล็ดไม่ลับเกี่ยวกับครีมกันแดด

Jaslyn มีเคล็ดไม่ลับ เกี่ยวกับครีมกันแดดมาฝากสาวๆ ค่ะ

โดยหลักๆ แล้ว ใน ครีมกันแดด มักจะพูดถึง เรื่อง การป้องกัน รังสี อยู่ 3 ชนิด คือ UVA, UVB และ Visible light

 UVA เป็นแสงที่มีความยาวคลื่นในช่วง 320 – 400 nm ก่อให้เกิด Photoaging คือ ริ้วรอย และความแก่ จากการถูกแสงแดด, Photosensivity คือ การแพ้ระคายเคือง ผื่น จากการถูกแสงแดด

 UVB เป็นแสงที่มีความยาวคลื่นในช่วง 290 – 320 nm ก่อให้เกิด Sunburn ผิวหนังไหม้จากแดด รวมถึง Photoaging, Photoimmune suppressant, เพิ่มการสร้างเม็ดสีเมลานิน ฝ้า กระ สามารถกระตุ้นให้เกิดได้หมด

และยิ่งไปกว่านั้นคือ UVA และ UVB สามารถกระตุ้นให้เกิด มะเร็งผิวหนังได้ทั้งคู่ >_<ช่างร้ายกาจ

 Visible light จะกระตุ้นให้เกิด Photosensivity ผื่นแพ้ การระคายเคืองของผิวหนัง ได้เช่นกัน

เอ๊ะ!!! มี UVA, UVB แล้วไม่มี UVC เหรอ? คำตอบ คือ มีค่ะ UVC แต่ไม่ค่อยพูดถึง เพราะ UVC จะถูกชั้นโอโซน ในบรรยากาศกรองไว้ ไม่ผ่านทะลุลงมายังโลก ยกเว้นในบางบริเวณ ที่ชั้นโอโซนถูกทำลายเยอะก็จะผ่านลงมาบ้าง

หลายๆ คนคงเคยเห็น คำว่า SPF และ PA+++ บนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มกันแดดกันอยู่บ่อยๆ นะคะ

☀️ SPF ย่อมาจาก Sunburn Protection Factor คือ เป็นตัวเลขที่บอกประสิทธิภาพ ในการป้องกันผิวไหม้แดง จาก รังสี UVB เมื่อทากันแดด เทียบกับไม่ได้ทากันแดด

☀️โดยตัวเลขที่ต่อท้าย SPF นั้น บอกปริมาณเป็น เท่า เมื่อ นำมาคำนวณแล้ว จะได้ค่า เป็น “ระยะเวลา” ที่เราถูกแดดแล้วผิวไม่ไหม้

*** ไม่ได้บอกระดับในการป้องกันรังสี UVB นะคะ***

SPF แบ่ง เป็น 4 ระดับ

  1. 2 – น้อยกว่า 15 ป้องกัน UVB ได้ 50 – 92%
  2. 15 – น้อยกว่า 30 ป้องกัน UVB ได้ 93 – 95%
  3. 30 – 50 ป้องกัน UVB ได้ 96 – 97 %
  4. มากกว่า 50 ป้องกัน UVB ได้ > 98%

จะเห็นว่าระดับในการป้องกัน UVB ไม่ได้แตกต่างกันมาก ที่ SPF 15 ขึ้นไป ก็สามารถป้องกัน UVB ได้ถึง 93% แล้วค่ะ จะแตกต่างก็คือ ***ระยะเวลา***

ตัวอย่าง

น้องแพนเค้ก ผิวขาวและบางมาก โดนแดดได้ 15 นาที หากไม่ทาครีมกันแดดผิวจะไหม้ เลือกใช้ ครีมกันแดด SPF 30 ดังนั้น การทาครีมกันแดด SPF 30 จะป้องกันได้นาน 15 X 30 = 450 นาที หรือ 7 ชั่วโมงครึ่ง

น้องใบตอง ผิวคมเข้ม มีเม็ดสีเมลานินเยอะ ช่วยป้องกันแสงแดดได้ระดับหนึ่ง โดนแดดได้ 30 นาที หากไม่ทาครีมกันแดดผิวจะไหม้ เลือกใช้ ครีมกันแดด SPF 50 ดังนั้น การทาครีมกันแดด SPF 50 จะป้องกันได้นาน 30 X 50 = 1500 นาที หรือ 25 ชั่วโมง โอโห้ ข้ามวันข้ามคืนกันเลย!!!

แต่ในสภาพแวดล้อมจริง เราจะพบว่าประสิทธิภาพของครีมกันแดดมักต่ำกว่าในห้องทดลอง เนื่องมาจาก การเสียดสีของเสื้อผ้า เหงื่อ และปริมาณในการทา ดังนั้นจึงแนะนำให้ทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของครีมกันแดด
การเลือกครีมกันแดด SPF สูงๆ เราต้องอย่าลืมนะคะว่า โอกาสเพิ่มการอุดตันของสิวก็สูงตามไปด้วยเช่นกัน และช่วงเวลาที่เราโดน แดดจัดๆ ก็ไม่ได้ยาวนานขนาดนั้น จะอยู่ที่ 9.00 – 15.00 น. ประมาณ 6-7 ชั่วโมง ค่ะ

☀️PA หรือ UVA-PF คือ ตัวเลขที่บอกประสิทธิภาพในการป้องกันผิวคล้ำจาก UVA แบ่งเป็น 3 ระดับ (ตาม JCIA) คือ

  1. PA+ คือ UVA-PF 2 – น้อยกว่า 4
  2. PA++ คือ UVA-PF 4 – 8
  3. PA+++ คือ UVA-PF มากกว่า 8

ตัวเลข ดังกล่าวก็จะเป็น เท่า เช่นกัน

เช่น น้องน้ำตาล ยืนตากแดด 10 นาที โดยไม่ทาครีมกันแดดแล้วผิวหมองคล้ำ หากทาครีมกันแดดที่มี PDD-UVA-PF (PA+++) เท่ากับ 10 ก็จะยืนตากแดดได้นาน 10 X 10 = 100 นาที ผิวก็จะหมองคล้ำ

โดยทั่วไป สารที่ใช้ในครีมกันแดด จะแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ

1. Chemical Sunscreen หรือ Organic Sunscreen

ซึ่งจะทำงานโดยการเกิดปฎิกิริยาเคมี และดูดซับรังสี UV ไว้ ครีมกันแดดชนิดนี้ จะต้องทาก่อนออกแดด ประมาณ 15 นาที โดยปกติแล้ว Chemical Sunscreen เพียงตัวเดียวจะไม่สามารถมีประสิทธิภาพเพียงพอ ในการป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB ดังนั้นในการผลิตครีมกันแดดประเภทนี้จึงต้องใช้สารกันแดดเคมีหลายตัวผสมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ

2. Physical Sunscreen หรือ Inorganic Sunscreen

เป็นสารที่มีคุณสมบัติทึบแสง เช่น Titanium dioxide, Zinc Oxide ทำหน้าที่สะท้อนรังสี UV ไม่เกิดปฎิกิริยากับผิวหนัง ขนาดอนุภาคจะค่อนข้างใหญ่ ข้อเสียของกันแดดชนิดนี้ คือ มักจะเหนียวเหนอะหนะ และเมื่อทาจะให้ความรู้สึกขาวไม่เป็นธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันมีการทำให้ขนาดอนุภาคเล็กลงมาก อยู่ในรูปแบบ Microfine Zinc oxide, Microfine Titanium dioxide ทำให้ทาแล้วดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่คุณสมบัติในแง่การป้องกัน Visible light อาจจะลดลง ข้อดีของ กันแดดในกลุ่มนี้คือ เหมาะกับผิวแพ้ง่าย และสามารถใช้ในเด็กอายุมากกว่า 6 เดือนได้

3. Tanning Sunscreen

สารกันแดดในกลุ่มนี้ เมื่อทาแล้ว จะทำปฎิกิริยากับ amine group ในผิวหนังชั้น Stratum Corneum ทำให้ผิวมีสีคล้ำขึ้น ออกน้ำตาลอมส้ม ส่งผลให้ UV ผ่านผิวหนังได้ลดลง กลุ่มนี้สาวไทยไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่ แต่ฮิตกันมากในสาวยุโรป และอเมริกัน

ข้อแนะนำในการใช้ครีมกันแดด และป้องกันแสงแดด

  1. ถ้าหากใช้ครีมกันแดดในกลุ่ม Chemical Sunscreen ควรทาก่อนออกบ้านอย่างน้อย 15 นาที
  2. ควรทากันแดดซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
  3. หากเล่นกีฬาที่เหงื่ออกมาก หรือ กิจกรรมทางน้ำ แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดชนิดกันน้ำ เช่น Water Resistance, Very Water Resistance และทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง
  4. หากต้องออกแดดจัดๆ นานๆ ครีมกันแดดอย่างเดียวอาจจะไม่พอ การใช้หมวกปีกกว้าง ร่ม เสื้อแขนยาว ก็ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีนะคะ

☀️คำถามที่มักถามกันบ่อยๆ คือ ต้องทาเยอะแค่ไหนคะ?

หากเราต้องการให้ได้ประสิทธิภาพ SPF 30, 50 ตามที่เค้าระบุกัน ต้องทาอย่างน้อย 2 mg/cm3

>_< ดูยาก แล้ว 2 mg/cm3 มันคือเท่าไหร่ ?

ตอบ ประมาณ 1 ช้อนชา หรือ 2 ข้อนิ้ว สำหรับใบหน้าและลำคอ ประเด็นคือ ดูเยอะ >_<แก้ไขโดยการแบ่งทา 2-3 รอบค่ะ

*** ทาหน้า อย่าลืม ทาคอ นะคะ *** เราจะขาว ใส เด้ง แต่หน้า แล้ว คอเหี่ยว ไม่ได้นะคะทุกคน

แล้วพบกันใหม่นะคะทุกคน พร้อมกันเคล็ดลับดีๆ เพื่อผิวสวยจาก Jaslyn ค่ะUVA, UVB, UVC, Visible light, SPF, PA

เพิ่มเพื่อน
Share this: