ความเชื่อผิดๆ กับประโยคยอดฮิต กินยากันไว้ก่อน
เป็นความเชื่อผิดๆ ของการใช้ยา ซึ่งเภสัชกรร้านยามักเจอบ่อยๆ คือ ลูกค้าเปียกฝนมา โดนฝนมา และมาซื้อยาพาราเซตามอล หรือ ยาสูตรผสม ระหว่างยาแก้แพ้กับยาแก้ไข้ ที่รู้จักกันดี เช่น ดีคอลเจน, ทิฟฟี่ เพื่อป้องกันหวัด
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนริเริ่มความเชื่อแบบนี้ แต่ฮิตกันมากจริงๆ ในช่วงหน้าฝน หรืออากาศเริ่มเปลี่ยนแปลง ซึ่งความจริงแล้ว ความเชื่อแบบนี้นั้น ผิด ค่ะ
![]()
ยาในกลุ่มพาราเซตามอล มีฤทธิ์บรรเทาอาการปวด ลดไข้ ไม่มีกลไกของยาเกี่ยวข้องกับการป้องกันหวัดเลยสักนิด และถึงในอนาคตท่านจะเป็นหวัดขึ้นมาจริงๆ การกินยาพาราเซตามอล หรือยาอีกกลุ่มที่นิยมมาซื้อกัน คือยาแก้แพ้ ก็ไม่มีผลใดๆในการป้องกันหวัดอยู่ดีค่ะ เพราะหวัดเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งยาเหล่านี้ไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ค่ะ
หากท่านเป็นหวัด มีน้ำมูกใสๆไหลตลอดๆ ค่อยรับประทานยาแก้แพ้ เพื่อบรรเทาอาการค่ะ และหากท่านมีไข้ ก็ค่อยรับประทานยาในกลุ่มพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการเช่นกัน
ไม่มีความจำเป็นใดๆต้องกินยากันไว้ก่อน เพราะไม่ช่วยอะไรเลย
แถมยังเพิ่มโอกาสในการเกิดอาการข้างเคียงจากยา, และเป็นการได้รับยาโดยไม่จำเป็น
พาราเซตามอล 500 มิลลิกรัม ไม่ควรกินเกินวันละ 8 เม็ด และ ไม่ควรกินติดต่อกันเกิน 5 วันค่ะ เพราะอาจจะเกิดผลข้างเคียงต่อตับได้ ยิ่งใครเป็นโรคตับอยู่แล้ว หรือกินเหล้าเป็นประจำความเสี่ยงยิ่งเพิ่มขึ้น
ยาในกลุ่มแก้แพ้ (Anti-histamine) เมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้รู้สึกง่วงได้ ดังนั้นเมื่อกินต้องระมัดระวังค่ะ ควรหลีกเลี่ยงการทำงานในที่สูง, หลีกเลี่ยงการทำงานร่วมกับเครื่องจักร และหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ เพราะอาจเกิดอันตรายได้
บางคนมีแอดวานซ์กว่านี้ ซื้อยากลุ่มฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น Amoxicillin, Azithromycin เพื่อป้องกันหวัด
อันนี้ก็ผิดอย่างแรง แถมส่งเสริมทำให้เกิดเชื้อดื้อยาด้วย ถามว่าเชื้อดื้อยาน่ากลัวยังไง สถานการณ์ของเชื้อดื้อยาเป็นยังไง ขอตอบว่าอยู่ในขั้นรุนแรง ยาฆ่าเชื้อที่ว่าออกฤทธิ์กว้างๆ ที่ว่าเจ๋งๆบนโลกนี้ แทบจะเอาเชื้อไม่อยู่แล้ว ลองคิดดูว่าถ้าไม่มียาตัวไหนสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียก่อโรคได้อีกจะเกิดอะไรขึ้น น่ากลัวมั๊ยคะ? ดังนั้นใช้เท่าที่จำเป็นค่ะ ต้องมีสัญญาณการติดเชื้อแบคทีเรียก่อน เช่น คอมีจุดหนอง, มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส ร่วมกับเจ็บคอมาก เป็นต้น และส่วนใหญ่หากมีการติดเชื้อแบคทีเรียมักจะไม่มีอาการไอ และน้ำมูกไหล ถ้าแค่ เจ็บคอนิดๆหน่อย น้ำมูกใสๆไหล แบบนี้ไม่ต้องกินค่ะ
Amoxicillin และ Azithromycin เป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ฆ่าแต่แบคทีเรีย ฆ่าไวรัสไม่ได้ แต่หวัดเกิดจากเชื้อไวรัส ดังนั้นกินไปก็ไม่ช่วยอะไรสักนิด ไม่ต้องกินค่ะ
ที่เล่าถึงยา 2 ตัวนี้ เพราะเคยมีครั้งหนึ่งลูกค้ามาซื้อยา แล้วจากการซักประวัติน่าจะเป็นหวัดธรรมดา ลูกค้าถามว่า
“ระหว่างยาแก้แพ้ที่พี่จ่าย กับ Azithromycin อันไหนลดน้ำมูกได้ดีกว่ากัน” ก็อธิบายไปยาวๆเกี่ยวกับยา 2 ตัวนี้ Azithromycin ลดน้ำมูกไม่ได้ เป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
เมื่อเป็นหวัดหวัด รู้สึกคล้ายจะเป็นหวัดจะทำอย่างไร
เมื่อเราเป็นหวัด หรือรู้สึกเหมือนจะเป็นหวัด สิ่งที่ดีที่สุด และควรทำ คือ การพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนดึก ดื่มน้ำอุ่น รักษาร่างกายให้อบอุ่น รับประทานผักผลไม้ และอาหารที่มีประโยชน์ ง่ายๆเพียงเท่านี้อาการหวัดของเราก็จะหายอย่างรวดเร็วค่ะ
สิ่งที่จะป้องกันหวัดได้ คือ การรักษาร่างกายให้แข็งแรง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ด้วยการปฎิบัติตัวตามที่บอกไปข้างต้น ร่วมกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ นี่แหละค่ะ คือ ยาป้องกันหวัดตัวจริง
ขอฝากข้อคิดไว้นะคะ “ยาไม่ใช่ขนม กินเท่าที่จำเป็น ไม่ต้องกินกันไว้ก่อน”
อ้างอิง
แนวทางการใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบทางเดินหายใจส่วนบนและอวัยวะใกล้เคียง
Share this: