เมื่อวานเราเย็นเราพูดถึงเรื่องจิตวิทยาหนักๆ กันไปแล้ว งั้นเช้าวันเสาร์แบบนี้เรามาอ่านบทความสุขภาพชิวๆกันดีกว่าครับ
เราคงเคยได้ยินเรื่องราวการระบาดของโรคระบาดครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกาฬโรค อหิวาตกโรค และไข้ทรพิษ รุนแรงถึงขนาดต้องย้ายบ้านย้ายเมืองหนี อย่างกาฬโรคในอดีตฆ่าคนไปแล้วหลายล้านคน แต่การระบาดของโรคครั้งใหญ่แบบนั้น เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กัน? นึกไม่ออกเลยใช่ไหมเลยนะครับ เพราะว่าตั้งแต่โลกได้รู้จักยาปฏิชีวนะ การระบาดของโรคครั้งใหญ่ที่มีคนตายเป็นแสนๆก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย (แต่ระวังเรื่องเชื้อดื้อยาไว้ด้วยนะครับ ถ้าเกิด superbug ขึ้นมาเยอะๆ ยุ่งแน่ๆครับ) ทุกวันนี้เราไม่ได้ตายด้วยโรคระบาด แต่เรากำลังตายด้วยโรคไม่ระบาด โรคที่เกิดจากความสบาย โรคที่เกิดจากการใช้ชีวิตที่ไร้ระเบียบวินัย โรคเหล่านั้นคือ NCDs ครับ
ปล. ถ้าสนใจอย่างเรื่อง Superbug ผมเคยเขียนเรื่อง Superbug ไว้ในบล็อกเล็กๆของผมชื่อ itisablogsite.com ลองไปอ่านกันได้นะครับที่ลิ้งนี้ >>>>> Superbug เชื้อดื้อยาที่ยากจะรักษา
NCDs คืออะไร
NCDs เป็นชื่อของกลุ่มโรค ย่อมาจาก Non-Communicable diseases หรือแปลเป็นไทยก็คือ กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง นั่นคือ โรคพวกนี้มันไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค ไม่สามารถติดต่อกันได้ แต่โรคพวกนี้เกิดจาก lifestyle และพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ตัวอย่างของโรคในกลุ่ม NCDs ก็อย่างเช่น โรคเบาหวาน, โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ, โรคถุงลมโป่งพอง, โรคมะเร็ง, โรคความดันโลหิตสูง, โรคอ้วนลงพุง เป็นต้น
กลุ่มโรค NCDs กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ของโลก จากข้อมูลของ WHO ในปี 2552 พบว่าสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลก 63% เกิดจากกลุ่มโรค NCDs และที่สำคัญกว่านั้นคือ กว่า 80% เป็น ประชากรของประเทศที่กำลังพัฒนา
สำหรับประเทศไทยนั้น จากข้อมูลปี 2552 พบว่าคนไทยชีวิตจากกลุ่มโรค NCDs มากกว่า 300,000 คน หรือคิดเป็น 73% ของการเสียชีวิตของประชากรไทยทั้งหมด และพบว่ามีคนไทยป่วยเป็นโรค NCDs ถึง 14 ล้านคน !!!!!
หมดยุคของมัจจุราชโรคระบาดที่กระชากวิญญาณคนทั้งหมู่บ้านไปแล้วนะครับ ต่อไปนี้คือยุคของเพชรฆาตเงียบที่ค่อยๆ ฆ่าเราโดยที่ไม่รู้ตัว ที่สำคัญคือเพชรฆาตพวกนั้น ไม่ใช่ใคร แต่คือตัวเราเอง
พฤติกรรมเสี่ยงของโรค NCDs
อย่างที่บอกไปครับว่าโรคพวกนี้ส่วนใหญ่มักเกิดจากพฤติกรรมของตัวเราเอง เพราะฉะนั้นแม้ว่าสถิติของโรค NCDs จะสูงและน่ากลัวขนาดไหน เราก็สามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเองครับ พฤติกรรมที่เป็นสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรค NCDs อาทิเช่น
- การดื่มเครื่องดื่มที่มี alcohol
- การสูบบุหรี่
- ขาดการออกกำลังกาย
- รับประทานอาหารหงานมันเค็มจัด
- ความเครียด
เอาแค่ 5 พฤติกรรมนี้นะครับ ถ้าหากเราสามารถลดพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ได้ จะสามารถลดความเสี่ยงได้หลายอย่าง อาทิเช่น
- ลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นกลุ่มโรค NCDs ได้ถึง 80%
- ลดโอกาสในการเป็นมะเร็งได้ 40%
- ลดโอกาสการเป็นโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ และ โรคเบาหวานประเภทที่ 2 ได้ถึง 80%
ดังนั้น หากใครที่ยังมีพฤติกรรมแบบนี้อยู่ อยากได้ลดหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบ้าง เพราะมันเป็นการลดความเสี่ยงที่ถูกที่สุด ดีที่สุด และยั่งยืนที่สุดครับ
สถิติน่ารู้
ผลการสำรวจในปี พ.ศ. 2552 กับกลุ่มเป้าหมายประชากรไทยวัยผู้ใหญ่ พบว่า
- คนไทย 21.4% เป็นโรคความดันโลหิตสูง และมีคนจำนวนมากที่ว่าไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคความดันโลหิตสูง
- ชายไทยที่รู้ตัวว่ามีน้ำตาลในเลือดสูงมีเพียง 56.7% และมีเพียง 27.1% เท่านั้นที่สามารถควบคุมภาวะน้ำตาลในเลือดได้
- ผู้หญิงมีความชุกของภาวะไขมันคลอเรสเตอรอลสูงมากกว่าผู้ชาย
- ตั้งแต่ปี 2535 ถึง 2552 ผู้ชายไทยเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า
เพราะฉะนั้น ถ้าหากมีเวลาว่างๆ ก็อยากไปให้ไปตรวจสุขภาพ วัดน้ำตาล ความดัน และไขมันกันบ้างนะครับ
ขอบคุณ infographic จาก สสส. ครับ

Share this: