ถ้าพูดเรื่องคนที่ขาดโอกาสทางสังคม เศรษฐกิจ หรือการศึกษา เราคงนึกถึงชาวเขาชาวดอย ไม่ก็คนชายขอบของประเทศตามชนบทที่ห่างไกล แต่ถ้าพูดถึงคนที่ขาดโอกาสเรื่องการออกกำลังกาย คงหนีไม่พ้น หนุ่มสาวชาวออฟฟิศแน่ๆ
ทำไมน่ะหรอครับ ลองคิดดูสิ ชาวออฟฟิศคือกลุ่มประชากรที่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อฝ่ารถติดเข้าไปทำงาน ตอนทำงานก็นั่งอยูกับโต๊ะคอม เลิกงานเย็นก็ต้องฝ่ารถติด กว่าจะไปถึงบ้านก็มืดค่ำ วันไหนมีโอทีก็ต้องกลับบ้านตอนดึกๆ อย่าว่าแต่ได้ออกกำลังกายเลยครับ แค่กินข้าวเย็น อาจจะได้กินตอน 5 ทุ่ม เที่ยงคืนด้วยซ้ำไป
วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ (หรือบางที่ก็หยุดแค่วันอาทิตย์วันเดียว) ก็หมดแรง นอนเพลียร่างหมดไป 1 วัน แล้วต้องมาทำเก็บห้อง ซักผ้า ทำงานบ้านอีก 1 วัน (แต่การทำงานบ้านเป็นการออกกำลังกายที่ดีนะครับ) สัปดาห์ไหนดีหน่อยก็อาจได้ไปเที่ยวบ้าง โอกาสได้ออกกำลังกายของชาวออฟฟิศช่างน้อยจนน่าน้อยใจจริงๆ บางคนอาจแก้ปัญหาด้วยการไปสมัครฟิตเนส แต่ค่าบริการรายเดือนฟิตเนสก็ไม่ใช่ถูกๆ สักเท่าไรนัก ตอนตำแหน่งเล็กๆ พอมีเวลา ก็ไม่มีเงิน พอตำแหน่งใหญ่แล้ว มีเงิน แต่ภาระงานก็มากตามไปด้วย หรือบางคนก็อาจจะสมัครฟิตเนสไว้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นมากกว่าการออกกำลังกาย (อย่างเช่น เอาไว้หาคู่ เป็นต้น)
วงจรการใช้ชีวิตแบบนี้ ไม่ต่างอะไรจากวงจรการทำลายสุขภาพ พอนานวันเข้าโรค NCDs ก็ถามหา แต่สำหรับคนทำงานออฟฟิศแล้ว มันเป็นอะไรที่เลี่ยงได้ยากด้วยสิ
3 เทคนิคเพิ่มขยับ ฉบับหนุ่มสาวออฟฟิศ
จากปัญหาของชาวออฟฟิศที่กล่าวไปข้างต้น วันนี้ Jaslyn ขอเสนอเทคนิควิธีง่ายๆของชาวออฟฟิศที่ช่วยให้ออกกำลังกาย แบบที่ไม่กินเวลาชีวิต ไม่รบกวนเวลาการทำงาน และไม่มีข้อจำกัดของสถานที่ครับ
- ไปใกล้เดินไปไม่ต้องใช้รถถ้าระยะทางในการเดินนั้นไม่ไกลมาก และทางเดินปลอดภัยไม่เสี่ยงต่อการชีวิต เราก็ควรใช้การเดินแทนการใช้รถ เพื่อเป็นการออกกำลังกายไปในตัวครับ
- ไม่กี่ชั้นเดินขึ้นบันได ไม่ต้องใช้ลิฟต์เชื่อผมเถอะ เวลารีบๆ เดินขึ้นบันไดไวกว่าครับ ลิฟท์กว่าจะรอ กว่าจะจอดรับส่งคนทีละชั้น ผมเคยเดินขึ้นถึงชั้น 7 แล้วเดินไปดูเลขชั้นที่ลิฟท์ ลิฟท์ยังอยู่ชั้น 4 อยู่เลย นอกจากไวกว่าแล้ว ยังได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย (แต่บอกก่อนว่าถ้าไม่เคยออกกำลังมาก่อน ช่วงแรกๆจะเหนื่อยพอสมควรนะครับ) อย่างไรก็ตาม ผมไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้กับผู้ที่ปัญหาเรื่องข้อเข่า และผู้ที่มีน้ำหนักเกินเยอะมากๆครับ
- แกว่งแขนรอรถเมล์แต่ก่อนมันจะมีป้ายตรง skywalk ของ bts ระหว่าง bts สยามกับ bts ชิดลม (เดี๋ยวนี้ไม่รู้ยังมีอยู่หรือเปล่า) เขียนไว้ว่า “การแกว่งแขนเป็นสร้างความแข็งแรงของชาวจีนมานับพันปี” อันนี้เรื่องจริงนะครับ มีเขียนใน คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของพระโพธิธรรม ด้วย เคยมีกระแสดราม่าเล็กๆพักนึงว่าการแกว่งแขนไม่ได้ช่วยอะไร อันนี้ไม่จริงนะครับ การแกว่งแขนเป็นการออกกำลังกายที่ดีโดยเฉพาะผู้ที่ต้องอยู่กับที่ตลอดเวลาและไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายครับ
ขอบคุณ infographic จาก สสส. ครับ

Share this: